ภาพยนตร์ที่เลสเบี้ยนต้องดู
"ชีวิตของอเดล" (Blue is the Warmest Color)
อเดล เด็กสาวมัธยมปลายใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย รักในวรรณกรรม และมักจะพูดคุยเรื่องผู้ชาย เพศ และความรักกับเพื่อนเป็นครั้งคราว วันหนึ่ง เธอได้พบกับหญิงสาวที่มีผมสั้นสีฟ้าและดวงตาสีฟ้าชื่อว่า เอ็มม่า บนถนน ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจของอเดลพลุ่งพล่านขึ้นทันทีจนเธอเผลอฝันถึงเอ็มม่าอยู่เสมอ แม้ว่าอเดลจะพยายามคบหากับผู้ชายที่สนใจเธอ แต่ความสัมพันธ์เหล่านั้นกลับไม่เติมเต็มหัวใจของเธอ จนกระทั่งเธอได้พบกับเอ็มม่าอีกครั้งในบาร์แห่งหนึ่ง ทั้งสองเริ่มพูดคุยและค้นหาความรู้สึกของกันและกัน ทำให้อเดลมั่นใจว่าเอ็มม่าคือคนที่เธอรัก แม้จะต้องเผชิญกับการเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมชั้น อเดลกลับมองข้ามทุกอย่างและดำดิ่งสู่โลกที่มีเพียงเธอกับเอ็มม่า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เติมเต็มทั้งจิตใจและร่างกาย อย่างไรก็ตาม แม้ความรักจะงดงามเพียงใด ก็ไม่อาจหลีกหนีความเป็นจริงได้ เมื่อทั้งสองได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน ก็พบว่าพวกเธอมีความแตกต่างหลายด้าน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้ค่อย ๆ สร้างระยะห่างที่ทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ แยกจากกันอย่างเงียบงัน…
ความรักไม่มีถูกหรือผิดที่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ภาพยนตร์ไม่ได้มุ่งเน้นความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ของพวกเขากับคู่รักทั่วไป แต่นำเสนอเรื่องราวความรักที่เหมือนกับภาพยนตร์รักทั่วไป เปิดเผยความขัดแย้งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างคนรัก ซึ่งกระตุ้นให้ผู้ชมได้ตั้งคำถามและไตร่ตรองว่า ปัญหาใดที่ทำให้คู่รักที่ดูเหมาะสมและตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบต้องแยกจากกัน การถ่ายทำที่เรียบง่ายและแฝงความโรแมนติก บรรยากาศที่งดงามอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวละครที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่กลับเข้าถึงหัวใจผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง
ภาพฝันของฉันคือเธอ(Portrait of a lady on fire)
เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1760 ที่แคว้นบริตทานี ประเทศฝรั่งเศส มาเรียน ศิลปินหญิงผู้ได้รับมอบหมายให้วาดภาพเหมือนของเอโลอีส หญิงสาวจากครอบครัวผู้ดีที่กำลังจะแต่งงาน แต่เธอต้องทำโดยไม่ให้เอโลอีสรู้ตัว ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่บนเกาะอันห่างไกล มาเรียนแอบสังเกตพฤติกรรมของเอโลอีสในตอนกลางวัน และในยามค่ำคืน เธอจึงลงมือวาดภาพ ความใกล้ชิดระหว่างศิลปินและผู้เป็นแบบ ทำให้พวกเธอค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ต้องห้ามขึ้น แม้จะอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดทางสังคม แต่ความรักของพวกเธอก็ลุกโชนขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งใกล้วันแต่งงาน ความรู้สึกนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายทอดความรักของเพศเดียวกันเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงพลังชีวิตของผู้หญิงและบทบาทของพวกเธอในสังคมอย่างลึกซึ้ง ผ่านการเล่าเรื่องที่ละเอียดอ่อนและศิลปะการนำเสนอภาพอันประณีต ภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นอิสระและพลังของผู้หญิงในความรัก ศิลปะ และการใช้ชีวิต
แครอล รักเธอสุดหัวใจ(Carol)
เล่าเรื่องราวในยุคสังคมอเมริกันช่วงทศวรรษ 1950 ที่เต็มไปด้วยอคติต่อบทบาทและความรักของผู้หญิง แครอล หญิงสาวที่แต่งงานแล้วได้พบกับเทเรซ เด็กสาวผู้ทำงานในห้างสรรพสินค้า ทั้งสองได้พบกันโดยบังเอิญและเกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม ในยุคที่เต็มไปด้วยข้อจำกัดด้านอัตลักษณ์และความรัก ความสัมพันธ์ของพวกเธอต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย
มนต์เสน่ห์ของความรักอยู่ที่ การที่คนสองคนซึ่งไม่เคยแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เมื่อได้พบกันกลับรู้ชัดเจนว่าต้องการชีวิตแบบไหน ไม่ว่าจะต่างเพศ วัย ฐานะ หรือความเชื่อ ดวงตาของคุณมองข้ามผู้คนทั้งหมดและสบตากับฉันเพียงคนเดียว โลกมีร้านเหล้านับไม่ถ้วน แต่คุณกลับเลือกเดินเข้ามาในร้านที่ฉันอยู่